พระขรรค์โสฬส สุดยอดแห่งพระขรรค์ และเครื่องรางของขลังศักดิ์สิทธิ์ ถูกสร้างขึ้นด้วย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ครั้งนั้นว่ากันว่า สมเด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย) ได้นำแบบพระขรรค์โบราณในพระราชวัง มาให้ช่างจำลอง ซึ่งพิธีการและมวลสารที่ใช้สร้าง บางท่านว่าเป็นมวลสารอย่างดาบฟ้าฟื้น ในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนเลยทีเดียว โดยได้ประพันธ์ไว้ดังนี้
"จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก
ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา
ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ
ยอดปราสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม
เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก
เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด
เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลหล่อบ่อพระแสง
เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคำสัมฤทธิ์นากอแจ
เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมควบเข้าเป็นแท่ง
เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง
ยังคงแต่พองามตามตำรา
ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง
พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า
ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา
แล้วจัดหาสารพัดเครื่องบัตรพลี"
พระขรรค์โสฬส มีความยาวรวมด้ามจับ ๑๑ นิ้ว เฉพาะคมยาว ๗ นิ้ว ด้ามพระขรรค์ ทำจากฝักคูน ตายพราย ภายในแก่นพระขรรค์ บรรจุกระดูกผีและเส้นผม ผีตายโหง ๗ ป่าช้า กับของอาถรรพ์อีกหลายอย่าง
ที่รู้กันทั่วไป ได้จัดสร้างขึ้นเพียง ๗ เล่ม โดยหลวงปู่ศุขได้ทำการปลุกเสกทั้งพรรษา เสร็จแล้วเสด็จเตี่ยท่านได้มอบให้ไว้กับหลวงปู่ศุข ๑ เล่ม ท่านเก็บไว้เอง ๑ เล่ม อีก ๕ เล่มได้แจกให้กับพระบรมวงศานุวงษ์
ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของ "พระขรรค์โสฬส" มีมากมายจาระไนไม่หมด สามารถใช้ได้สารพัดนึก มีความคงกระพัน แก้ไขป้องกันคุณไสย์ ทำน้ำมนต์ไล่ภูตผีปีศาจ และที่สำคัญเป็นมหาอุดที่ปกป้องคุ้มครองอันตรายได้ทั้งหมู่คณะ
ครั้งหนึ่งเสด็จเตี่ยท่านล่องเรืออยู่กลางทะเล เกิดเจอกับคลื่นพายุ จนเรือแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท่านจึงเอาพระขรรค์โสฬสมาพนมมืออธิฐาน แล้วกวัดแกว่งพระขรรค์โสฬสในอากาศ ปรากฏว่าคลื่นพายุสงบลงในฉับพลัน
พ่อหลิม หรือ เสือไท เคยเป็นทหารเสือของเสด็จเตี่ย ท่านได้เล่าเรื่องพระขรรค์โสฬสนี้ให้กับ ท่านขุนพันธ์ ได้ทราบ ทำให้เป็นที่ปราถนาแก้ท่านขุนพันธ์เป็นอย่างมาก หลังจากท่านได้ตามหาพระขรรค์โสฬสเล่มที่อยู่กับหลวงปู่ศุขนั้นมายาวนาน แต่สุดท้ายท่านก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครอง
พระขรรค์โสฬส ด้ามที่อยู่กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อท่านละสังขาร ก็ได้ตกไปอยู่กับหลวงตาแวว ซึ่งเป็นลูกศิษย์ และต่อมาก็ได้ตกไปอยู่กับหัวหน้าชุมโจร เสือออง หนึ่งในกลุ่มโจรนั้นเล่าว่า เมื่อออกปล้น จะให้ผู้พกพระขรรค์โสฬสเดินนำหน้า ไม่ว่าใครจะยิงมาเท่าไหร่ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระขรรค์โสฬสจะช่วยป้องกันทั้งหมู่คณะ โดยไม่มีใครโดนกระสุนปืนเลยแม้แต่นัดเดียว หากยิงระยะประชิดตัว ก็จะยิงไม่ออก
เสือออง เล่าว่าเคยนำพระขรรค์ไปปักไว้ที่หัวคันนาปรากฎว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ จากนั้นใช้ปืนพระรามหก และปืนนานาชนิดยิงทดสอบ กระสุนปืนไม่ลั่นแม้แต่นัดเดียว
ภายหลัง พ่อหลิม จึงให้ศิษย์รุ่นน้องของท่านขุนพันธ์ ซึ่งเป็นนายตำรวจมือปราบเมืองพิจิตร ออกตามหากลุ่มโจร เพราะในขณะนั้น ท่านขุนพันธ์ได้กลับลงภาคใต้ไปแล้ว นายตำรวจมือปราบเมืองพิจิตร ศิษย์รุ่นนองท่านขุนพันธ์ ได้ปะทะกับกลุ่มโจร ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายปี จนสามารถปราบและแย่งพระขรรค์โสฬสกลับมาได้ และครอบครองอยู่หลายปี เมื่อเกษียณอายุราชการผู้บังคับบัญชาการระดับสูงก็ขอพระขรรค์เล่มนี้ไป หลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็นพระขรรค์โสฬสจริงๆ อีกเลย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น