วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2563

กริช เทพอาวุธแห่งมลายู

กริช ภาษามลายูเรียกกันว่า keris แปลว่า มีดสั้น ตำนานนั้นเกิดมาจากชาวฮินดู โดยเชื่อกันว่ากริชเล่มแรก ก็คือกริช "ปโสปติ" ที่พระอิศวรประทานให้อีเหนาในตอนเกิด หรือพูดง่ายๆว่า อีเหนานั้นเกิดมาพร้อมกับกริชวิเศษติดตัวมาด้วย นิทานอีเหนานี้เกิดขึ้นหลังจากอณาจักรศรีวิชัยล่มไปแล้ว

ตำนานกริชเกิดขึ้นมาในยุคหลังอณาจักรศรีวิชัย โดยผสมผสานความเชื่อระหว่างฮินดู และพุทธสายมหายานเข้าด้วยกัน แต่ไปในทางฮินดูเสียมากกว่า ยุคหลังจากนั้นเมื่ออิสลามได้เป็นใหญ่แทนฮินดูและพุทธในแถบหมู่เกาะชวา และมาเลเซีย กริช ก็ยังคงเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ที่ยังใช้สืบทอดกันต่อมา แต่จะมีการดัดแปลงให้เข้ากับหลักของทางศาสนาอิสลามมากขึ้น

ไม่นาน กริช ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย จากหมู่เกาะชวา กระจายมาทั่วภูมิภาคเอเชียอาคเน เมื่อมีความนิยมมากขึ้น แต่ละพื้นที่จึงมีการปรับแต่งตามรูปแบบนิยมตามพื้นที่ของตน กริชจึงเริ่มเกิดมีหลายสกุลช่างต่างๆ มากมาย ที่พอมีหลักฐานเด่นชัด คือ

- กริช ชวา
- กริช สุมาตรา
- กริช บาหลี
- กริช สุลาเวสี
- กริช มินดาเนา
- กริช ปัตตานี
- กริช สงขลา
- กริช นครศรีธรรมราช

กริช นอกจากใช้เป็นอาวุธแล้ว กริช ยังใช้เป็นเครื่องรางไว้บูชาที่บ้าน หรือพกติดตัวยามไปทำกิจธุระข้างนอกได้อีกด้วย อย่างสมัยอยุทธยา ก็มีการพระราชทานกริชให้ข้าราชบริพาร พกติดตัวเพื่อประดับยศ อย่างท่านเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)​ ก็พกกริช เมื่อเป็นทูตไปฝรั่งเศษเช่นเดียวกัน

กริช มี ๒ แบบ ด้วยกัน

1. กริช ตรง เป็นกริชที่เกิดขึ้นมาก่อนในยุคแรกๆ แถบเกาะชวา เป็นกริชที่นิยมสร้างมาเพื่อการต่อสู้

2. กริช โค้งหยักไปมา เป็นกริชที่เกิดขึ้นมาในยุคหลัง เชื่อว่าเกิดมาในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ โดยเน้นความสวยงาม

ใบกริช ตีทับซ้อนกันหลายชั้น ด้วยเหล็กเนื้อดีหลายๆ อย่างมาผสมผสานเข้าด้วยกัน บ้างก็ใช้เหล็กอาถรรพ์มาตีเช่นกัน เช่น เหล็กสัตโลหะ หรือเหล็กนวโลหะ เป็นต้น

ด้ามจับกริช ทำจากไม้เนื้อดี อย่างกริชปัตตานี มักใช้ไม้แก้ว หรือไม้ตาลดำ บ้างก็ใช้ไม้อาถรรพ์ก็มี อย่างเช่นเคยเห็นกริชด้ามไม้กัลปังหา ที่มีช่องผี (กัลปังหา ที่หายากมาก)​ เชื่อว่ากริชเล่มนั้น สามารถแทงทะลุผู้อยู่ยงคงกระพันได้ ซึ่งด้ามมักจะมีการแกะสลักลายสวยงามตามสกุลกริชในแต่ละพื้นที่

ฝักกริช ก็ใช้ไม้เนื้อดี ถ้าเป็นกริชทั่วไป ก็จะเป็นฝักไม้เกลี้ยงเกลา ไม่มีลายใดๆ เคลือบด้วยยางไม้ เพื่อให้มีเงาแวววาว ถ้าเป็นกริชของขุนนางศักดิ์ใหญ่ หรือมหาเศรษฐีมีตังร์ ด้ามกริชและฝักก็จะประดับประดาด้วยลาย ลงรักปิดทอง ฝังเพชรนิลจินดาสวยงาม

ความศักดิ์สิทธิ์ของกริช กริชแต่ละเล่มจะมีความวิเศษแตกต่างกันไป ดังนี้

- ปราบภูตผีปีศาจ พกติดตัวผีเกรงกลัว
- เสน่ พกไปจีบสาวใด ไม่เคยพลาด
- ค้าขาย พกไปค้าขาย จะขายง่าย ขายคล่อง ได้ราคาดี
- ไว้ในบ้าน ทำเกษตรพืชผล ได้ผลดีงดงาม

จะเห็นว่าสรรพคุณของกริชนั้น คล้่ายกับมีดหมอไม่ใช่น้อย แต่ต่างกันตรงบางเล่ม มีไว้เพื่อเสริมเรื่องทำเกษตรกรรมด้วยนี่ละ และด้วยสรรพคุณที่มีหลากหลาย การเลือกกริชมาใช้จึงต้องมีความรู้มากพอสมควร เพราะการหากริชที่ดีจริงนั้น มันยากแสนยาก ต้องดูรายละเอียดมากมาย เริ่มจากดูใบ รูปทรง วัสดุในการทำ โดยเฉพาะรูปทรงของใบกริช จะบ่งบอกถึงคุณวิเศษของกริชเล่มนั้นๆ กริช ศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันจึงหาไม่ง่ายครับ

เคล็ดวิธีเลือกกริชประจำตัว : ท่านว่าให้นับจากโคนกริช โดยใช้นิ้วโป้งแปะทาบลงไป และนับว่า "พ่อแทงโจร" (พ่อ ทางภาคใต้หมายถึง ตัวเราเองซึ่งเป็นพ่อของกริชเล่มนั้น)​ แล้วใช้นิ้วโป้งอีกมือทาบต่อขึ้นไป นับว่า "โจรแทงพ่อ" นับไปเรื่อยๆ จนสุดปลายกริช เมื่อสุดปลายแหลมของกริช ให้ดูว่าตกที่คำใด ถ้าตกที่ "พ่อแทงโจร" ถือว่ากริชเล่มนั้นต้องโฉลกกับเรา แต่ถ้าตกที่ "โจรแทงพ่อ" กริชเล่มนั้น ไม่ควรนำมาครอบครองเป็นเจ้าของ ด้วยว่าโฉลกไม่ถูกกัน

การเก็บรักษา กริช ผมเคยเห็นของตา ท่านสร้างหิ้งแยกเก็บไว้ จะไม่รวมกับหิ้งพระ หรือเครื่องรางต่างๆ ของตาผม เป็นกริชครู ท่านใช้สำหรับทำพิธีต่างๆ ทางไสยศาสตร์ เหมือนกับมีดหมอ มีดครูทั่วไป ค่อนข้างขลัง และดูศักดิ์สิทธิ์มาก ตาห้ามทุกคนไปจับต้องเด็ดขาด...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น