วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

วิชาไสยศาตร์


วิชาไสยศาตร์ หรือไสยเวทย์ สำหรับผมแล้ว คือ ศาตร์วิชาแขนงหนึ่งบนโลกใบนี้ เหมือนกับวิชาภาษาไทย คณิตศาตร์ และวิชาอื่นๆ ทั่วไป เพียงแต่วิชาไสยศาตร์เป็นวิชาที่ค่อนข้างลึกลับ ไม่มีในบทเรียนทั่วไป เราเข้าโรงเรียนประถมถึงปริญญา มีพิธีไหว้ครูทุกปี วิชาไสยศาตร์ก็มีพิธีไหว้ครูเช่นเดียวกัน วิชาคณิตศาตร์มีสูตรต่างๆ วิชาไสยศาตร์ก็มีสูตรต่างๆ เช่นเดียวกัน

แปลกตรงที่คนสมัยใหม่ไม่ยอมรับ แต่เมื่อเชื่อกลับถึงขั้นงมงาย ผมคนนึงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหล่านี้นัก สมัยเด็ก ผมไม่ห้อยพระติดตัวเลย ห้อยกี่องค์ หายหมด เหลือแค่สร้อยคอ ผมเลยยึดเพียงพระคาถาไม่กี่บทที่ปู่ย่าตายายสอนให้ตั้งแต่พออ่านหนังสือออก ตอนนั้นผมยึดถือพระคาถาเหล่านั้น แต่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ อาจด้วยด้อยความรู้ในระดับนึง พระคาถาที่ผมนับถือ เพราะเห็นผลแปลกประหลาดไม่น่าเชื่อมากมาย


วิชาไสยศาตร์ มีหลายแขนงวิชา เช่น
๑. วิชาคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า ยิงไม่ออก ยิงไม่ถูก
๒. วิชาสายเสน่ โชคลาภเงินทอง บารมี คนรักคนหลง
๓. วิชาสายกระทำคุณ ทำร้าย ฆ่า ทำลาย ทำให้ตาย
๔. วิชาสายรักษา โรคภัยไข้เจ็บ ถอดถอนคุณ ถอนการถูกกระทำต่างๆ

แต่ละสายวิชาก็จะมีแตกแยกย่อยอีกมากมายแล้วแต่คณาจารย์ ที่มีความรู้ความชำนาญ

ที่มาของหลักวิชาไสยศาตร์ เริ่มแรกเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า วิชาไสยศาตร์ คาถาอาคม มีอยู่ทุกศาสนา ทางเราชาวพุทธ มีหลักพื้นฐานวิชามาจากพราหมณ์ แต่พระเถระท่านดัดแปลงให้มาเป็นพุทธาคม จึงมีคำว่าพุทธคุณเกิดขึ้นในปัจจุบัน


วิชาไสยศาตร์ดัดแปลงมาอย่างไร เนื่องจากพระเถระสมัยพุทธกาล ก่อนจะมานับถือพระพุทธศาสนานั้น เดิมทีมีเชื้อสายพราหมณ์อยู่ก็จำนวนมาก ได้รำเรียนคัมภีร์ไตรเพทมากันแล้ว วิชาไตรเพท คือพระเวทต่างๆ ที่ผู้เป็นพราหมณ์ต้องศึกษาเล่าเรียนให้รู้แจ้ง พอพราหมณ์เหล่านั้นหันมานับถือพระพุทธศาสนาจึงคิดว่า ถ้านำมาแปลงผนวกกับทางสายพุทธน่าจะมีอานุภาพมาก เราจึงพบว่าพระเวท พระคาถาต่างๆ ที่พระอาจารย์ท่านใช้ ทางสายพุทธ ถ้าแปลคำออกมาแล้ว จะเป็นการพึ่งบารมีของพระพุทธเจ้า และพระเถระต่างๆ ในอดีตเพื่อให้สิ่งนั้นเกิดผลขึ้นตามที่ต้องการทั้งนั้น แต่ยังมีบางส่วนที่ยังยึดถือพระเวทแบบโบราณดั่งเดิม คือใช้พลังจากภูติผี จึงเกิดเป็นผู้เรืองอาคม สายขาว และสายดำ

สายขาว ส่วนใหญ่เป็นพระเวทที่แปลงมาทางศานาพุทธแล้ว ใช้ช่ายเหลือ ป้องกัน รักษาผู้คนเป็นหลัก ใช้พลังพุทธคุณเป็นส่วนใหญ่

สวยดำ พวกนี้เน้นทำลาย ทำร้ายผู้คน ให้เจ็บป่วย ให้หลง ให้ตาย พวกนี้ใช้พลังจากแรงครู และภูติผีเป็นหลัก

***บ้างก็ว่า ไม่ว่าวิชาพระคาถาอาคมประเภทไหน จะร้ายจะดี ขึ้นอยู่ที่ผู้ใช้ ถึงใช้วิชาไสยศาตร์แบบใช้พลังภูติผี แต่หากใช้ช่วยเหลือคน ก็ยังดีกว่าผู้อ้างว่าสายพุทธ แต่นำวิชาทางสายพุทธมาทำเสน่ ทำร้ายผู้คนเสียอีก.


จะร่ำเรียนวิชาไสย์ศาสตร์อย่างไร ผู้ที่สนใจต้องตามหาร่ำเรียนตรงจากครูบาร์อาจารย์ ถึงจะดีที่สุดเพราะวิชาเหล่านี้มีแรงอาถรรพ์ในตัว ถ้าไม่ได้รับการถ่ายทอดอย่างถูกต้อง พลังของเวทมนต์ต่างๆ จะกลับเข้ามาทำร้ายตัวผู้เรียนเอง บางท่านได้หนังสือมาอ่านศึกษา แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไม เราเสกแล้วไม่ขลังดังคำที่อธิบายเอาไว้ นั่นเพราะเราไม่ได้รับการถ่ายทอดมาอย่างถูกวิธี

แต่ละสำนักวิชา จะมีข้อห้ามและวิธีการเรียนที่ต่างกัน เรียนพระคาถามีการสอนโดยท่องลอยลม หรือท่องลอดช่อง หรือเป่ากระหม่อมให้ ฯลฯ หรือต้องครอบครูก่อน อันนี้สำคัญ ส่วนเรียนเขียนอักขระเลขยันต์ก็ต้องครอบมือด้วยครูยันต์ก่อนอีก ไม่เช่นนั้น เรียนเอาเองนอกจากจะโดนคุณครู ทำมาหากินไม่ขึ้นแล้ว ยังอาจจะถึงขั้นเป็นบ้าเสียสติไปได้

สมัยผมเป็นเด็กราวๆ ประถม 2 ผมมักไปนอนบ้านปู่ย่าในช่วงวันหยุด คนสมัยก่อนเขาจะทานมื้อเย็นกันตั้งแต่ห้าโมงเย็น คืออาบน้ำทานข้าวกันเสร็จตั้งแต่ห้าโมงเย็น เสร็จแล้วย่าผมท่านมักมานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ชานเรือน ผมก็ไปนั่งเล่นด้วย ดูนกบินกลับรัง ย่าว่ากูจะสอนพระคาถามึงไว้ป้องกันตัว แต่ไม่ได้ทำพิธีครอบครูก็สอนไม่ได้ ผิดครูมึงจะทำมาหากินไม่บังเกิด ย่าก็จะอายุสั้น แต่เอาเถอะ กูจะท่องลอยลมไป มึงจับจำเอาเองละกัน เรียนด้วยครูพักลักจำเอา เสร็จย่าแกก็ท่องให้ผมฟัง โดยนั่งดูบรรยากาศภายนอกไป แกก็ท่องไป จบแกก็บอกว่าจำได้ไหม ผมก็ลองท่องให้แกฟัง จนครบจบก็ถือว่าได้

พระคาถาของย่า ศักดิ์สิทธิ์จนไม่น่าเชื่อ คำสั่งของย่าคือ ห้ามด่าพ่อ ด่าแม่เด็ดขาด ห้ามผิดลูกเมียใคร ตอนเด็กผมก็ไม่เข้าใจหรอกเรื่องผิดลูกเมียใคร พึ่งมาเข้าใจตอนโต ย่าว่าผิดครั้งเดียวจะเสื่อมหมดทันที

ผมโตขึ้นมาทำงานในเมืองหลวง มีอยู่คืนหนึ่ง ในฝันได้ยินเสียงชายแก่พูดก้องอยู่ในหูว่า "มึงต้องไปเข้าพิธีไหว้ครูใหญ่" ผมสะดุ้งตื่นเลย นี่ละครับ การเรียนวิชาไสยศาตร์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเข้าพิธีไหว้ครู หรือครอบครู เพราะในขณะนั้นผมยังไม่เคยเข้าพิธีไหว้ครูกับใครเลย เนื่องด้วยยังไม่แน่ใจในครูบาร์อาจารย์ต่างๆ ที่จัดพิธีขึ้น และยังไม่มีเวลา ไม่มีเงิน (อันนี้สำคัญ) ที่จะเดินทางไปกราบท่าน การเรียนวิชาไสยศาสตร์ จึงจะทึกทักเรียนจากหนังสือเอาเองนั้น ไม่มีครู ผลเสียจะเกิดแก่ตัวมากกว่าผลดี.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น